แนวทางการเลือกใช้ กระเบื้องโรงรถเน้นที่ความทนทานมากกว่าสวยงาม

การเลือกกระเบื้องโรงรถจะแตกต่างจากการเลือกวัสดุปูพื้นบริเวณส่วนอื่นๆ ของบ้าน โดยเน้นที่ความสวยงามเป็นหลัก แต่สำหรับกระเบื้องปูพื้นที่จะนำมาใช้ในโรงรถจะเน้นที่ความทนทานมากกว่าสวยงาม ซึ่งวัสดุปูพื้นโรงรถก็มีหลายแบบหลายชนิด ได้แก่ หินแกรนิต หินธรรมชาติที่มีความแข็งแกร่งทนทาน มีความหนาประมาณ 3/4 นิ้ว มีลักษณะเป็นเนื้อหินทั้งชิ้น หากเกิดรอยขีดข่วนบนพื้นผิวจะมองเห็นไม่ชัดมาก สำหรับหินแกรนิตที่นำมาใช้ปูพื้นที่จอดรถ ควรจะเป็นแบบผิวหยาบเรียบ และกระเบื้องเซรามิก เป็นวัสดุปูพื้นโรงรถที่นิยมเลือกมาใช้งานอย่างมากที่สุด ซึ่งการนำมาใช้ในโรงรถ ควรเลือกแบบพื้นผิวหยาบ ไม่ลื่นจะเหมาะสมที่สุด

กระเบื้องโรงรถ ที่จะนำมาใช้บริเวณโรงรถจะต้องมีคุณสมบัติรองรับน้ำหนักได้ดี เพราะรถยนต์มีน้ำหนักมาก หากกระเบื้องไม่สามารถรองรับน้ำหนักได้ กระเบื้องก็จะเกิดการแตกหัก ทำให้พื้นโรงรถเกิดความเสียหาย ไม่สวยงาม และยังต้องเสียเงินเพื่อซื้อกระเบื้องมาปูพื้นใหม่ นอกจากนี้กระเบื้องโรงรถจะต้องทนต่อการขูดขีดพื้นผิว สกปรกยาก และทำความสะอาดได้ง่าย ซึ่งพื้นผิวกระเบื้องต้องมีความหยาบ เนื่องจากกระเบื้องที่มีพื้นผิวหน้าลื่นๆ จะทำให้พื้นผิวยางของรถไม่สามารถเกาะกับพื้นผิวของกระเบื้องได้ และอาจทำให้เกิดการลื่นไถลของตัวรถ ส่งผลทำให้เกิดความเสียหายและเกิดอันตรายขึ้นได้ หรือแม้กระทั่งผู้ใช้พื้นที่บริเวณโรงรถก็อาจจะเกิดการลื่นล้มจากความลื่นของพื้นได้ด้วยเช่นเดียวกัน

กระเบื้องเซรามิกที่เหมาะสำหรับนำมาปูพื้นโรงรถ
กระเบื้องเซรามิกที่เหมาะสมในการนำมาปูพื้นโรงรถคือ กระเบื้องแกรนิตโต้ ซึ่งมีส่วนผสมของผงหินและผ่านการเผาที่อุณหภูมิสูง จึงมีความทนทานแข็งแรงกว่ากระเบื้องเซรามิกทั่วไป และกระเบื้องแกรนิตโต้ยังมีอัตราการดูดซึมน้ำต่ำ จึงช่วยลดปัญหาเรื่องการสะสมสิ่งสกปรก อีกทั้งแกรนิตโต้ยังมีเนื้อวัสดุและสีเป็นเนื้อเดียวกันกับผิวหน้า หากเกิดรอยกระเทาะขีดข่วนก็จะเห็นรอยไม่ค่อยชัดเจน

กระเบื้องโรงรถ ควรปูพื้นให้มีความลาดเอียงเล็กน้อย เพื่อไม่ให้เกิดน้ำท่วมขัง ซึ่งอาจจะเกิดจากฝนตกหรือจากการล้างรถยนต์บริเวณโรงรถ โดยการปูพื้นแบบลาดเอียงตามปกติควรปูด้วยอัตราส่วน 1:200 คือทุกๆ ความยาว 2 เมตร จะปรับมุมลาดเอียงลง 1 เซนติเมตรนั่นเอง เพียงเท่านี้ก็จะช่วยลดการเกิดน้ำท่วมขังและลดโอกาสในการลื่นจากการเปียกน้ำได้แล้ว